ตู้เก็บของนอกบ้าน กลายเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่หลายครัวเรือนมองข้ามไม่ได้ แต่หลังจากติดตั้งไปสักพัก ปัญหาต่างๆ ก็เริ่มทยอยโผล่มา ทั้งสนิม ประตูเสีย กลิ่นอับ หรือแม้แต่ปัญหาแมลงรบกวน การดูแลรักษาที่ถูกต้องจะช่วยยืดอายุการใช้งานของ ตู้เก็บรองเท้านอกบ้าน และประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
ปัญหาสนิมและการผุกร่อน
สนิมเป็นปัญหาที่พบบ่อยที่สุดสำหรับ ตู้เก็บของนอกบ้าน เหล็ก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความชื้นสูงหรือใกล้ทะเล การป้องกันต้องเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการติดตั้ง ยกพื้น ตู้เก็บของนอกบ้าน ให้สูงจากพื้นอย่างน้อย 15 เซนติเมตร วางบนขาตั้งที่แข็งแรง หากเป็นไปได้ควรติดตั้งในที่ที่มีหลังคาคลุม
การป้องกันความชื้นภายใน ตู้เก็บของนอกบ้าน ทำได้หลายวิธี แผ่นดูดความชื้นแบบซิลิกาเจลขนาดใหญ่สามารถดูดซับความชื้นได้ดี ควรวางไว้มุม ตู้เก็บของนอกบ้าน ทุกมุม และเปลี่ยนทุก 2-3 เดือน หรือเมื่อสังเกตว่าแผ่นเริ่มชื้น นอกจากนี้ยังมีเม็ดดูดความชื้นแบบแคลเซียมคลอไรด์ที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ต้องระวังการรั่วซึมเพราะอาจกัดกร่อนโลหะได้
เมื่อพบจุดที่เริ่มเป็นสนิม ต้องรีบจัดการทันที เริ่มจากใช้กระดาษทรายเบอร์ละเอียด (เบอร์ 400-600) ขัดสนิมออกจนถึงเนื้อเหล็ก ทำความสะอาดด้วยน้ำยาล้างคราบมัน แล้วเช็ดให้แห้งสนิท จากนั้นทาด้วยน้ำยาแปลงสนิมที่มีส่วนผสมของกรดแทนนิก ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมงให้ทำปฏิกิริยากับสนิม แล้วจึงทาทับด้วยสีรองพื้นกันสนิม รอให้แห้งก่อนทาสีจริง ควรทาอย่างน้อย 2 ชั้น
แก้ปัญหาระบบล็อคและกุญแจ
ระบบล็อคเป็นส่วนสำคัญของ ตู้เก็บของนอกบ้าน ที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ สำหรับล็อคแบบกุญแจทั่วไป ควรหยอดน้ำมันกลไกทุก 4-6 เดือน โดยเลือกใช้น้ำมันหล่อลื่นสำหรับกลไกล็อคโดยเฉพาะ หากใช้น้ำมันทั่วไปอาจทำให้เกิดคราบสะสมและกลไกติดขัดในระยะยาว
กรณีล็อคฝืด ให้ใช้ผงแกรไฟต์แห้งฉีดเข้าไปในช่องกุญแจ แล้วเสียบกุญแจเข้าออกหลายๆ ครั้งเพื่อให้ผงกระจายทั่วกลไก ห้ามใช้น้ำมันพืชหรือจาระบีเด็ดขาดเพราะจะทำให้เกิดคราบเหนียวและดักฝุ่น สำหรับล็อคดิจิทัล ต้องใส่ใจเรื่องแบตเตอรี่เป็นพิเศษ ควรใช้แบตเตอรี่คุณภาพดีและเปลี่ยนทุก 6 เดือน แม้แบตเตอรี่จะยังไม่หมด เพราะหากแบตเตอรี่หมดกะทันหัน อาจทำให้เปิดตู้ไม่ได้ แผงปุ่มกดควรทำความสะอาดด้วยผ้าชุบแอลกอฮอล์ 70% เช็ดเบาๆ เดือนละครั้ง
จัดการกับกลิ่นอับและเชื้อรา
กลิ่นอับเป็นสัญญาณของความชื้นสูงและการระบายอากาศไม่ดี การแก้ปัญหาต้องเริ่มจากการปรับปรุงการระบายอากาศ สามารถเจาะรูระบายอากาศขนาด 1-2 นิ้วที่ด้านบนและล่างของ ตู้เก็บของนอกบ้าน ติดตั้งตะแกรงกันน้ำแบบมีปีกกันน้ำ การเจาะควรทำในตำแหน่งที่ตรงข้ามกันเพื่อให้อากาศไหลเวียนได้ดี
นอกจากนี้ ควรวางถ่านดูดกลิ่นที่ผ่านการกระตุ้น (activated charcoal) ใน ตู้เก็บของนอกบ้าน เปลี่ยนทุก 3 เดือน หรือใช้ผงกาแฟคั่วที่แห้งสนิทบรรจุในถุงผ้าโปร่ง วางไว้หลายๆ จุด ผงกาแฟนอกจากดูดกลิ่นแล้วยังช่วยดูดความชื้นได้ด้วย
เมื่อพบเชื้อรา ต้องจัดการทันที เริ่มจากนำของออกจาก ตู้เก็บของนอกบ้าน ทั้งหมด ผสมน้ำส้มสายชูขาวกับน้ำในอัตราส่วน 1:1 ฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณที่มีเชื้อรา ทิ้งไว้ 30 นาที แล้วเช็ดออกด้วยผ้าชุบน้ำสะอาด ตามด้วยการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อราโดยเฉพาะ เปิด ตู้เก็บของนอกบ้าน ทิ้งไว้ให้แห้งสนิทอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
ป้องกันแมลงและสัตว์รบกวน
การป้องกันแมลงและสัตว์รบกวนต้องทำอย่างเป็นระบบ เริ่มจากการสำรวจและอุดรูรั่วทุกจุด ใช้ซิลิโคนชนิดกันน้ำอุดตามรอยต่อและมุมต่างๆ สำหรับช่องว่างใหญ่ ให้ใช้แผ่นโฟมกันน้ำอัดเข้าไปก่อนอุดทับด้วยซิลิโคน
ขอบยางประตูเป็นจุดที่แมลงมักเล็ดลอดเข้ามา หากขอบยางเสื่อมสภาพควรเปลี่ยนใหม่ทั้งชุด ไม่ควรปะเป็นช่วงๆ เพราะจะทำให้เกิดช่องว่าง เลือกใช้ขอบยางคุณภาพดีที่ทนต่อรังสี UV จะอยู่ได้นานกว่า การวางกับดักแมลงต้องวางให้ถูกจุด สำหรับมด ให้วางเหยื่อกำจัดมดแบบเจลตามเส้นทางที่มดชอบเดิน มดจะนำกลับรังและกำจัดทั้งรังได้ ส่วนแมลงสาบ ให้วางกับดักแบบกาวในมุมมืดของ ตู้เก็บของนอกบ้าน เปลี่ยนทุก 2-3 เดือน
ดูแลบานพับและระบบเปิดปิด
บานพับเป็นจุดที่มีการเสียดสีตลอดเวลา ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ สำหรับบานพับเหล็ก ควรหยอดน้ำมันหล่อลื่นชนิดไม่เก็บฝุ่นทุก 2 เดือน ตรวจสอบความแน่นของน็อตและสกรู หากพบการคลายตัว ให้ขันให้แน่นทันที
กรณีที่ประตูปิดไม่สนิท อาจเกิดจากบานพับเสียศูนย์ สามารถปรับได้โดยคลายน็อตยึดบานพับ ปรับตำแหน่งประตูให้ตรง แล้วขันให้แน่น หากบานพับงอหรือเสียรูป ควรเปลี่ยนใหม่ทั้งชุดเพื่อป้องกันปัญหาในระยะยาว
สำหรับ ตู้เก็บของนอกบ้าน พลาสติก หากประตูเริ่มบิดเบี้ยวเล็กน้อย สามารถแก้ไขได้โดยใช้ไดร์เป่าผมเป่าบริเวณที่บิดด้วยลมร้อนระดับกลาง ค่อยๆ ดัดให้กลับเข้ารูป แล้วเป่าลมเย็นทันทีเพื่อให้พลาสติกคงรูป
แก้ปัญหาชั้นวางของ
ตู้เก็บของนอกบ้าน มักมีปัญหาแอ่นตัวเมื่อใช้งานไปนาน โดยเฉพาะชั้นพลาสติก การแก้ไขทำได้โดยติดตั้งคานเสริมใต้ชั้น ใช้แท่งอลูมิเนียมรูปตัว L ตัดให้พอดีความกว้างของชั้น ติดตั้งตรงกลางชั้นเพื่อรับน้ำหนัก
สำหรับชั้นเหล็ก หากพบรอยสนิมให้ขัดออกและทาสีใหม่ทันที ควรติดแผ่นรองกันกระแทกที่ผิวชั้นเพื่อป้องกันการขูดขีดและลดเสียงดัง ถ้าชั้นเริ่มบางลงจากการสึกกร่อน ควรเปลี่ยนใหม่เพื่อความปลอดภัย
ดูแลระบบระบายอากาศ
การระบายอากาศที่ดีช่วยลดปัญหาความชื้นและกลิ่นอับ ควรติดตั้งพัดลมระบายอากาศขนาดเล็กที่ทำงานด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ติดตั้งที่ช่องระบายอากาศด้านบนของ ตู้เก็บของนอกบ้าน พัดลมจะทำงานในเวลากลางวันช่วยระบายอากาศร้อนออกจาก ตู้เก็บของนอกบ้าน
ช่องระบายอากาศควรมีตะแกรงกันแมลงละเอียด ทำความสะอาดตะแกรงทุกเดือนเพื่อไม่ให้อุดตัน ในหน้าฝนอาจติดแผ่นกันฝนสาดเพิ่มเติม แต่ต้องไม่ปิดกั้นการไหลเวียนของอากาศ
ป้องกันน้ำรั่วซึม
น้ำรั่วซึมเป็นปัญหาสำคัญในหน้าฝน ควรตรวจสอบรอยต่อและซีลยางทุกจุดก่อนเข้าหน้าฝน หากพบรอยแยกให้ทำความสะอาดและเช็ดให้แห้งสนิท แล้วอุดด้วยซิลิโคนกันน้ำชนิดยืดหยุ่นสูง รอให้แห้งสนิทอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
การป้องกันน้ำท่วมขังที่ฐาน ตู้เก็บของนอกบ้าน ควรทำร่องระบายน้ำรอบ ตู้เก็บของนอกบ้าน ลึกประมาณ 20 เซนติเมตร กว้าง 15 เซนติเมตร เทหินกรวดลงไปเพื่อช่วยการระบายน้ำ และควรตรวจสอบการอุดตันของร่องระบายน้ำทุกเดือน
ดูแลพื้นผิวภายนอก
พื้นผิวภายนอกมักเสื่อมสภาพจากแสงแดดและสภาพอากาศ สำหรับตู้เหล็ก ควรทาเคลือบด้วยแว็กซ์กันสนิมทุก 6 เดือน จะช่วยป้องกันความชื้นและรังสี UV ส่วน ตู้เก็บของนอกบ้าน พลาสติก ใช้น้ำยาเคลือบเงาสำหรับพลาสติกโดยเฉพาะ ช่วยป้องกันการซีดจางและทำให้พื้นผิวดูใหม่
การทำความสะอาดประจำควรใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ไม่มีฤทธิ์กัดกร่อน เช็ดด้วยผ้านุ่มไม่ขูดขีดพื้นผิว และเช็ดให้แห้งสนิททุกครั้ง ไม่ควรปล่อยให้มีคราบน้ำค้างบนพื้นผิว
บำรุงรักษาตามฤดูกาล
แต่ละฤดูกาลมีวิธีการดูแลที่แตกต่างกัน ในหน้าร้อน ควรเพิ่มการระบายอากาศและป้องกันความร้อนสะสมใน ตู้เก็บของมินิมอล อาจติดฉนวนกันความร้อนที่หลังคาตู้ หน้าฝนเน้นการป้องกันน้ำรั่วซึมและความชื้น ส่วนหน้าหนาวระวังเรื่องหยดน้ำจากการควบแน่น
สรุป
การดูแล ตู้เก็บของนอกบ้าน อย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอจะช่วยยืดอายุการใช้งานได้อย่างมาก ต้องเข้าใจธรรมชาติของวัสดุที่ใช้ทำ ตู้เก็บรองเท้านอกบ้าน และดูแลให้เหมาะสม การแก้ปัญหาตั้งแต่เริ่มพบจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมในระยะยาว และทำให้ตู้เก็บของอยู่กับเราไปได้อีกนาน