Skip to content

Welcome to our store

Lounge Lovers
Previous article
Now Reading:
แนะนำวิธีการเลือก ตู้เก็บของในครัวจากวัสดุและวิธีการจัดวางให้มีประสิทธิภาพ
Next article

แนะนำวิธีการเลือก ตู้เก็บของในครัวจากวัสดุและวิธีการจัดวางให้มีประสิทธิภาพ

แนะนำวิธีการเลือก ตู้เก็บของในครัวจากวัสดุและวิธีการจัดวางให้มีประสิทธิภาพ

ใครจะไปคิดว่าการเลือก ตู้เก็บของในครัว จะสำคัญขนาดนี้ บางคนอาจนึกว่าแค่มีที่เก็บของก็พอ แต่ลองคิดดูสิ เราใช้เวลาในครัวเป็นชั่วโมงๆ ทั้งทำอาหาร ล้างจาน หยิบจับของใช้ ถ้าตู้ครัวไม่เวิร์ค งานครัวที่น่าจะสนุกก็อาจกลายเป็นเรื่องปวดหัวได้ง่ายๆ

คนที่เคยใช้ครัวคงเข้าใจดีว่าความทุกข์จาก ตู้เก็บจานในครัว ที่ไม่เหมาะกับการใช้งานเป็นยังไง ทั้งเปิดตู้แล้วของร่วง หาของไม่เจอ ตู้เก็บจานในครัว บวมน้ำ บานพับหลุด หรือแม้แต่การที่ต้องปีนขึ้นไปหยิบของบน ตู้เก็บของอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ ทุกวัน แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว

บทความนี้เลยรวบรวมทุกอย่างที่ควรรู้เกี่ยวกับ ตู้เก็บของในครัว ตั้งแต่เรื่องวัสดุที่เหมาะกับการใช้งาน การจัดวางให้ลงตัว ไปจนถึงเทคนิคการดูแลรักษา เพื่อให้ทุกคนได้ครัวในฝันที่ใช้งานได้จริง ไม่ต้องมานั่งเสียดายทีหลังว่าน่าจะเลือกแบบอื่น

แนะนำวิธีการเลือก ตู้เก็บของในครัวจากวัสดุและวิธีการจัดวางให้มีประสิทธิภาพ

วัสดุที่ใช้ทำ ตู้เก็บของในครัว เลือกยังไงให้เป๊ะ

การเลือกวัสดุทำ ตู้เก็บของในครัว ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะส่งผลต่อความคงทน สวยงาม และการใช้งานในระยะยาว มาดูกันว่าวัสดุแต่ละประเภทมีคุณสมบัติอย่างไร

ไม้ MDF เคลือบเมลามีน

วัสดุที่กำลังมาแรงในตลาด ตู้เก็บของในครัว ด้วยคุณสมบัติทนความชื้นได้ดี ราคาสบายกระเป๋า ดูแลง่าย ไม้ MDF มีความหนาแน่นสูง ไม่บวมน้ำง่าย การเคลือบเมลามีนช่วยเพิ่มความทนทาน กันน้ำ ทำความสะอาดง่าย มีให้เลือกหลายลวดลาย ตั้งแต่ลายไม้ธรรมชาติไปจนถึงสีพื้น แต่ข้อเสียคือหากโดนแรงกระแทกอาจแตกหรือบิ่นได้ และถ้าติดตั้งในจุดที่โดนน้ำบ่อย ขอบอาจบวมได้

สแตนเลส

วัสดุระดับพรีเมียม เหมาะกับ ตู้เก็บของอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ สมัยใหม่ ทนทานสุดๆ ไม่เป็นสนิม ทำความสะอาดง่าย ทนความร้อนได้ดี เหมาะกับครัวที่ทำอาหารบ่อย มีความชื้นสูง แถมยังดูหรูหรา ทันสมัย แต่ราคาค่อนข้างสูง และอาจเป็นรอยขีดข่วนได้ง่าย เสียงดังเวลากระทบกัน

อลูมิเนียม

น้ำหนักเบา ราคาประหยัด ทนความชื้น ไม่เป็นสนิม มีหลายสีให้เลือก ติดตั้งง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก เหมาะกับคนงบน้อยแต่อยากได้ความทนทาน แต่มีข้อเสียคือบุบง่าย ถ้าโดนของแข็งกระแทก และสีอาจซีดจางเมื่อใช้งานไปนานๆ

ไม้จริง

วัสดุคลาสสิกที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น หรูหรา มีเสน่ห์เฉพาะตัว เหมาะกับครัวสไตล์คลาสสิกหรือวินเทจ มีความแข็งแรงทนทาน สามารถซ่อมแซมได้ง่ายเมื่อเกิดความเสียหาย แต่ราคาสูง ต้องดูแลรักษามาก ไม่ทนความชื้น อาจผุหรือบวมได้ถ้าโดนน้ำบ่อย

พลาสติก ABS

วัสดุน้ำหนักเบา ราคาประหยัด มีสีสันสดใส ทนความชื้นได้ดี ไม่เป็นสนิม ทำความสะอาดง่าย เหมาะกับครัวขนาดเล็กหรือครัวชั่วคราว แต่อายุการใช้งานอาจไม่ยาวนาน ไม่ทนความร้อน และอาจมีกลิ่นพลาสติกในช่วงแรก

ไม้อัด

วัสดุราคาประหยัด หาซื้อง่าย มีความยืดหยุ่นในการออกแบบ แต่ไม่ทนความชื้น บวมน้ำง่าย อายุการใช้งานไม่ยาวนาน เหมาะกับการทำ ตู้เก็บของในครัว ในส่วนที่ไม่โดนน้ำหรือความชื้น

ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ด

วัสดุราคาประหยัด น้ำหนักเบา มีให้เลือกหลายความหนา แต่ไม่ทนความชื้น แรงกระแทก และอาจมีปัญหาเรื่องสารฟอร์มาลดีไฮด์

วัสดุผสม

การผสมผสานวัสดุหลายประเภท เช่น หน้าบานเป็นไม้ MDF ส่วนโครงเป็นอลูมิเนียม ช่วยเพิ่มความคงทนและความสวยงาม แต่อาจมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น

เคล็ดลับการเลือกวัสดุ

  • พิจารณาการใช้งาน ถ้าทำอาหารบ่อย ควรเลือกวัสดุทนทาน ทำความสะอาดง่าย
  • ดูสภาพแวดล้อม ถ้าครัวมีความชื้นสูง ควรหลีกเลี่ยงวัสดุที่ไม่ทนน้ำ
  • คำนึงถึงงบประมาณระยะยาว บางครั้งการลงทุนกับวัสดุคุณภาพดีตั้งแต่แรกอาจประหยัดกว่าการต้องเปลี่ยนใหม่บ่อยๆ
  • สไตล์การตกแต่ง เลือกวัสดุที่เข้ากับบรรยากาศโดยรวมของบ้าน
  • การดูแลรักษา พิจารณาเวลาและความพร้อมในการดูแลวัสดุแต่ละประเภท

การเลือกวัสดุตามพื้นที่ใช้งาน

ตู้เก็บของในครัว แต่ละส่วนควรเลือกวัสดุต่างกัน

  • ตู้ล่าง ควรใช้วัสดุทนน้ำ ทนความชื้น เพราะอยู่ใกล้พื้น
  • ตู้บน สามารถใช้วัสดุที่เบากว่าได้ แต่ต้องแข็งแรงพอ
  • พื้นที่ใกล้เตา ควรใช้วัสดุทนความร้อน
  • ส่วนเคาน์เตอร์ ควรใช้วัสดุทนการขูดขีด ทำความสะอาดง่าย

การดูแลวัสดุแต่ละประเภท

  • ไม้ MDF เคลือบเมลามีน เช็ดด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาที่มีฤทธิ์กัดกร่อน
  • สแตนเลส ใช้น้ำยาทำความสะอาดโดยเฉพาะ เช็ดตามลายเนื้อโลหะ
  • อลูมิเนียม ทำความสะอาดด้วยสบู่อ่อนๆ หลีกเลี่ยงน้ำยาที่มีฤทธิ์เป็นกรด
  • ไม้จริง ใช้น้ำยาดูแลเนื้อไม้โดยเฉพาะ เคลือบผิวซ้ำเมื่อสีเริ่มซีด
การดูแลวัสดุแต่ละประเภท

การจัดวาง ตู้เก็บของในครัว ให้ลงตัว

ห้องครัวเป็นพื้นที่สำคัญที่เราใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมงต่อวัน การจัดวาง ตู้เก็บของในครัว ที่ดีจึงช่วยให้การทำอาหารสนุกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น มาดูกันว่าเราจะวางแผนจัดครัวอย่างไรให้ลงตัวที่สุด

หลักการจัดวางแบบสามเหลี่ยมทำงาน

รู้หรือไม่ว่าการจัดวางพื้นที่หลักในครัวแบบสามเหลี่ยมเป็นหลักการที่เชฟมืออาชีพใช้กันมานาน เพราะช่วยให้ทำงานได้คล่องตัว ลดการเดินไปมา โดยมุมแรกคือจุดเก็บและล้าง ที่รวม ตู้เก็บของอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ และอ่างล้างจานไว้ด้วยกัน มุมที่สองคือพื้นที่เตรียมอาหาร ที่ต้องมีเคาน์เตอร์กว้างพอสำหรับวางเขียงและอุปกรณ์ และมุมที่สามคือโซนประกอบอาหาร ที่ต้องมีพื้นที่ว่างรอบเตาพอสมควรเพื่อความปลอดภัย

การเลือกรูปแบบที่เหมาะกับพื้นที่

ขนาดและรูปทรงของครัวเป็นตัวกำหนดรูปแบบการจัดวางที่เหมาะสม ครัวแคบๆ มักเลือกแบบตัวไอที่วาง ตู้เก็บของในครัว เป็นแนวยาวติดผนัง แม้จะประหยัดพื้นที่แต่ก็อาจทำงานได้ไม่สะดวกนัก ถ้ามีพื้นที่มากขึ้น แบบตัวแอลที่ใช้ผนังสองด้านจะให้พื้นที่ทำงานเพิ่มขึ้น สำหรับครัวใหญ่ แบบตัวยูที่ใช้ผนังสามด้านจะให้พื้นที่เก็บของและทำงานมากที่สุด

ที่กำลังฮิตในครัวสมัยใหม่คือการเพิ่มเกาะกลาง ซึ่งนอกจากเพิ่มพื้นที่ทำงานแล้ว ยังสร้างบรรยากาศสนุกๆ ให้ทำอาหารไปคุยไป หรือจะใช้เป็นที่นั่งทานอาหารว่างก็ได้

ระยะห่างที่ลงตัว

การกำหนดระยะห่างที่เหมาะสมช่วยให้ใช้งานครัวได้สะดวก ทางเดินในครัวควรกว้างอย่างน้อย 90 เซนติเมตร จะได้ไม่เบียดเวลาเดินสวนกัน ถ้ามีตู้หันหน้าเข้าหากันต้องเว้นระยะอย่างน้อย 120 เซนติเมตร เผื่อเปิด ตู้เก็บของอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ พร้อมกัน

ความสูงของ ตู้เก็บของในครัว ก็สำคัญ ตู้ล่างควรสูงประมาณ 85 เซนติเมตร ซึ่งเป็นระดับที่ทำงานสบาย ไม่ต้องก้มหรือเงยมากเกินไป ตู้บนควรห่างจากเคาน์เตอร์ประมาณ 50-60 เซนติเมตร ให้คนส่วนใหญ่หยิบของได้พอดี ส่วนตู้สูงไม่ควรเกิน 210 เซนติเมตร

การแบ่งโซนอย่างชาญฉลาด

การแยกโซนชัดเจนช่วยให้ทำงานเป็นระบบและปลอดภัย โซนเปียกที่มีอ่างล้างจานควรใช้ตู้กันน้ำและพื้นกันลื่น พร้อมระบบระบายน้ำที่ดี โซนแห้งสำหรับเตรียมอาหารควรแยกจากโซนเปียกชัดเจน มีพื้นที่วางของและทำงานกว้างพอ

โซนร้อนบริเวณเตาต้องมีระบบระบายอากาศดี ใช้วัสดุทนความร้อน และควรอยู่ห่างจากโซนเย็นที่มีตู้เย็น เพื่อประหยัดพลังงานและยืดอายุการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้า

เทคนิคเพิ่มพื้นที่ใช้สอย

พื้นที่มุมมักถูกมองข้าม แต่จริงๆ แล้วเพิ่มประสิทธิภาพได้ด้วยตู้มุมแบบหมุนหรือรางเลื่อนพิเศษ ส่วนพื้นที่แนวตั้งใช้ประโยชน์ได้มากขึ้นด้วยราวแขวน ตู้เก็บจานในครัว สูงถึงเพดาน หรือชั้นลอย

สำหรับครัวเล็กที่ต้องการพื้นที่ทำงานเพิ่ม ลองใช้โต๊ะพับได้หรือเคาน์เตอร์เสริมที่เก็บได้เมื่อไม่ใช้งาน ช่วยให้พื้นที่ยืดหยุ่นมากขึ้น

แสงสว่างที่ใช่

แสงในครัวต้องมีทั้งแสงทั่วไปจากเพดานที่ให้ความสว่างทั้งห้อง และแสงเฉพาะจุดใต้ตู้บนที่ส่องพื้นที่ทำงาน ไฟใน ตู้เก็บของในครัว ช่วยให้หาของง่ายขึ้น ส่วนไฟเหนือเกาะกลางนอกจากให้แสงสว่างแล้วยังสร้างบรรยากาศดีด้วย

ความปลอดภัยต้องมาก่อน

เรื่องความปลอดภัยในครัวสำคัญมาก ต้องเว้นระยะจากเตาถึงวัสดุติดไฟให้พอ วางสวิตช์และปลั๊กไฟในจุดที่ใช้สะดวกแต่ปลอดภัย ระบบระบายอากาศต้องดี เพื่อไม่ให้ควันและกลิ่นสะสม

การจัดวาง ตู้เก็บของอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ ที่ดีต้องคำนึงถึงการดูแลรักษาด้วย ท่อน้ำควรเข้าถึงง่ายเผื่อซ่อมแซม พื้นผิวทำความสะอาดสะดวก และมีพื้นที่ว่างพอให้ช่างเข้าไปซ่อมบำรุงได้

การวางแผนจัดครัวให้ดีตั้งแต่แรกอาจต้องใช้เวลาคิดหน่อย แต่จะคุ้มค่าในระยะยาว เพราะจะได้ครัวที่ทำงานสะดวก ปลอดภัย และมีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำอาหาร

ความปลอดภัยต้องมาก่อน

สรุป

สุดท้ายแล้ว ตู้เก็บของในครัว ที่ดีไม่จำเป็นต้องหรูหราหรือราคาแพง แต่ต้องตอบโจทย์การใช้งานจริงๆ ลองคิดดูว่าเราทำอาหารบ่อยแค่ไหน มีของที่ต้องเก็บเยอะไหม พื้นที่ครัวเป็นยังไง แล้วค่อยๆ วางแผนเลือกตู้ที่เหมาะกับเรา เพราะ ตู้เก็บจานในครัว ที่ดีจะอยู่กับเราไปอีกนาน และจะช่วยให้การทำอาหารเป็นเรื่องสนุก ไม่ใช่ภาระที่น่าเบื่อ

ที่สำคัญ อย่าลืมว่าการลงทุนกับ ตู้เก็บจานในครัว ที่มีคุณภาพตั้งแต่แรก อาจจะประหยัดกว่าการต้องคอยซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่บ่อยๆ ในระยะยาว เพราะฉะนั้น ใช้เวลาเลือกสักหน่อย รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน

Cart

Close

Your cart is currently empty.

Start Shopping

Select options

Close