โคมไฟ หนึ่งในสิ่งสำคัญเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยที่หลายคนให้ความสำคัญไม่แพ้การออกแบบหรือการเลือกเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน ฮวงจุ้ยนั้นถือเป็นศาสตร์ของแสงสว่างที่สัมพันธ์กับหลักวิทยาศาสตร์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึงตั้งแต่ในขั้นตอนการออกแบบบ้านเลยทีเดียว ดังนั้นการเลือกวัสดุ เช่น หลอดไฟ ที่ให้แสงและการจัดแสง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกหลอดไฟ โคมไฟ ตำแหน่งไฟ ไปจนถึงจำนวนไฟแต่งบ้านที่ต้องนำมาใช้จึงเป็นเรื่องที่ต้องคิดทุกขั้นตอน เมื่อติดตั้งแล้วต้องไม่เป็นปัญหา หรือส่งผลกระทบต่อการอยู่อาศัยของสมาชิกในบ้าน ทั้งในด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิตด้วย
โคมไฟฮวงจุ้ย สำคัญอย่างไร
ตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว แสงสว่างถือเป็นพลังหยางที่เคลื่อนไหว บ่งบอกถึงพลังชีวิต และนำโชคลาภมาสู่บ้าน ตรงข้ามกับพลังหยินซึ่งในที่นี่หมายถึงช่วงเวลากลางคืนที่แสงสว่างน้อย การปล่อยให้บ้านมืดเกินไปในช่วงเวลากลางคืนจึงเท่ากับการปล่อยให้พลังงานหยินเข้ามาครอบงำได้เต็มที่ ส่งผลให้คนในบ้านหม่นหมอง เซื่องซึม อารมณ์ความรู้สึกแย่ พลังงานดี ๆ ก็ถดถอยสุขภาพก็จะไม่ดี อารมณ์ความรู้สึกก็จะแย่ ซึ่งมีวิธีแก้ที่ควรปฏิบัติก็คือ การใช้โคมไฟฮวงจุ้ยเข้ามาช่วย จึงเป็นวิธีใช้ประโยชน์จากโคมไฟแต่งบ้าน เพราะสิ่งที่จะทำให้เกิดสมดุลได้ก็คือแสงไฟ เพราะรอบบ้านหรือสวนรอบบ้านควรจะมีไฟประดับไว้ให้แสงสว่างในยามค่ำคืนด้วย แสงสว่างถือว่าเป็นพลังหยาง เป็นพลังที่เคลื่อนไหว และช่วยเหนี่ยวนำชี่ที่ดีหรือโชคลาภเข้ามาสู่ตัวบ้าน
นอกจากตัวโคมไฟแล้ว "หลอดไฟ" ก็นับเป็นอุปกรณ์ให้แสงสว่างที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่น ๆ ในบ้าน ซึ่งคุณรู้หรือไม่ว่า การจัดวางหลอดไฟให้ถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ย จะส่งผลดีให้แก่คนในบ้านได้มากทีเดียว เนื่องจากหลอดไฟเป็นสัญลักษณ์ของการมีชีวิตชีวา เป็นความสว่างสดใสของชีวิต และในทางฮวงจุ้ย หลอดไฟถือเป็นพลังหยางในการรักษาสมดุลและนำพาโชคเข้ามาสู่บ้าน
ตกแต่งแสงไฟรอบบ้านให้ฮวงจุ้ยปัง ๆ ได้อย่างไร
- ติดไฟประตูรั้วหน้าบ้าน ควรติดหลอดไฟไว้ที่ประตูรั้วทั้ง 2 ด้าน นอกจากจะทำให้หน้าบ้านดูสว่างแล้ว ยังช่วยดึงโชคลาภเข้าสู่บ้านอีกด้วยโคมไฟหัวเสาสำหรับติดรั้วหน้าบ้าน ต้องเป็นโคมมีคุณสมบัติกันน้ำและวัสดุของโคมต้องมีความคงทนต่อแสงแดด
- ติดตั้งหลอดไฟที่มุม หรือ ด้านที่ขาดหายไปของบ้านหรือที่ดินเพื่อสร้างสมดุลหรือชดเชยส่วนที่ขาดหายไป
- ติดโคมไฟไว้ที่ตำแหน่งประตูทางเข้าบ้าน ในกรณีนี้หมายถึงประตูที่เปิดเข้ามาเจอห้องรับแขกนั่นเอง
- ติดตั้งหลอดไฟในพื้นที่ด้านหน้าของอาคารโดยให้ตรง กับบริเวณมุมอาคารทั้ง 2 ข้าง ข้างละ 1 ดวง และติดอีกหนึ่งดวงที่บริเวณหลังอาคารให้ตรงกับจุดกึ่งกลางของอาคาร โดยให้ตำแหน่งความสูงของหลอดไฟที่ติดเท่ากับความสูงของยอดหลังคา ซึ่งจะช่วยดึงดูดพลังที่ดีเข้ามาและช่วยแก้ไขเรื่องการจัดวางตำแหน่งอาคารที่ไม่ได้สมดุลกับขนาดของพื้นที่
-
ติดไฟในสวน หรือบริเวณรอบ ๆ บ้าน บ้านส่วนใหญ่จะมีสวนหรือมุมนั่งเล่นในบริเวณบ้าน การติดไฟในสวนหรือตกแต่งไฟรอบบ้านจะช่วยดึงพลังงานที่ดีเข้าสู่บ้านและช่วยปรับสมดุล ทำให้หยินหยางสมดุลกันอีกด้วย โคมไฟแต่งสวนส่วนใหญ่จะเป็นสำหรับใช้ภายนอกทนแดดทนฝน โคมไฟที่ใช้ได้แก่
- โคมไฟปักดิน ใช้ปักดินส่องต้นไฟหรือส่องผนังเพื่อให้เกิดความโดดเด่น
- โคมไฟสนาม ทำหน้าที่ให้แสงสว่างในจุดที่มืด ไม่ว่าจะเป็นระหว่างทางเดินและในส่วนของสนามภายในบริเวณบ้าน ซึ่งมีหลากหลายแบบขึ้นอยู่กับสไตล์ในการตกแต่งของบ้าน เช่น โคมสนามแบบโมเดิร์น โคมสนามแบบคลาสสิก
- ติดโคมไฟเอาไว้บริเวณพื้นที่หลังบ้านทั้งสองข้าง ในกรณีที่พื้นที่ที่ใช้ปลูกอาคารมีรูปร่างไม่เป็นสี่เหลี่ยมมุมฉาก
- ติดโคมไฟเอาไว้ริมทางของถนนหรือทางรถที่เข้าสู่ตัวบ้านหรือตัวอาคาร ในกรณีที่ถนนมีความเล็กแคบจนเกินไปหรือติดเอาไว้เฉพาะส่วนที่แคบ
- แสงไฟที่ติดควรจะเป็นแสงวอร์มไวท์หรือสีส้ม แสงวอร์มไวท์หรือสีส้มจะมีพลังกระตุ้นส่งเสริมโชคลาภเพราะแสงสีส้มจะมีพลังธาตุไฟสูงแสงสีขาวจะไม่มีพลังธาตุและแสงสีวอร์มไวท์หรือสีส้มจะช่วยทำให้ดูผ่อนคลายสบายตา เหมาะสำหรับมุมพักผ่อน
แสงไฟจากโคมระย้าหรือโคมกิ่ง ซึ่งประกอบขึ้นด้วยเจียระไนชิ้นเล็ก ๆ มาประกอบกันเป็นลวดลายต่าง ๆ จะให้พลังแห่งความเป็นมงคลได้ดีที่สุด แต่จะเป็นประโยชน์ก็ต่อเมื่อเปิดไฟเท่านั้น และตำแหน่งที่ดีที่สุดที่จะติดหรือแขวนโคมระย้าก็คือบริเวณกลางบ้าน กลางห้องโถงหรือกลางห้องรับแขกซึ่งถือว่าเป็น ตำแหน่งของธาตุดิน และแสงไฟจากโคมระย้าซึ่งเป็นธาตุไฟจะช่วยกระตุ้นธาตุดินให้มีพลังมากยิ่งขึ้น
โคมไฟฮวงจุ้ยไม่ใช่เพียงความเชื่อที่ไม่มีเหตุผล แต่เป็นความเชื่อที่อยู่บนความลงตัวระหว่างความสบายใจและประโยชน์ใช้สอยของผู้อยู่อาศัยในบ้านที่ไม่ควรละเลย ดังนั้นในการจัดแสงไฟนอกบ้าน ควรคำนึงถึงการใช้หลอดไฟและโคมไฟให้เหมาะสมและส่งเสริมให้ฮวงจุ้ยมีพลัง เพราะแสงสว่างของโคมไฟนั้นก็เหมือนแสงสว่างที่นำทางชีวิตให้ผู้อยู่อาศัยนั่นเอง