ในการตกแต่งมุมรับแขกหรือห้องนั่งเล่นของบ้าน ไม่มีอะไรปลอดภัยกว่าการเลือก โซฟารับแขก โทนสีกลางๆ อย่างเทา ครีม เบจ ขาว หรือดำ เพราะอย่างที่รู้กันว่าสี neutral เหล่านี้สามารถ มิกซ์ & แมทช์ กับองค์ประกอบอื่นในห้องได้ง่าย แต่หลายคนอาจเบื่อโทนสีที่ซ้ำซากจำเจ และอยากได้ โซฟาสวยๆ ที่มีสีสดใสฉูดฉาดซึ่งสะท้อนสไตล์และคาร์แรคเตอร์ของตัวเองมากกว่า วันนี้เราเลยจะมาแนะนำเทคนิคในการเลือกและจัดวาง โซฟารับแขก และ โซฟา 1 ที่นั่ง (อาร์มแชร์) ที่มีเฉดสีสดใสโดนใจ หลุดจากโทน neutral ซึ่งจะมีเทคนิคเด็ดๆ อะไรบ้าง และดีไซน์ออกมาได้สวยมีสไตล์แค่ไหน เราไปดูกันเลย
แนวทางจัด โซฟารับแขก สีสันสดใสให้เข้ากับบ้าน เลือกสีที่ใช่
โซฟาสวยๆ ของเราสามารถเป็นสีอะไรก็ได้ ขึ้นอยู่กับความพอใจของเราโดยไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว ซึ่งหากใครมีสีในใจอยู่แล้ว ก็สามารถใช้สีของโซฟาเป็นหลักในการเลือกธีมและวางองค์ประกอบอื่นๆ ภายในห้องได้ หรือหากใครยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกโซฟาสีอะไรถึงจะเข้ากับบุคลิกตัวตน เราก็มีสีของโซฟาที่ค่อนข้างแมสมาแนะนำให้แบบฉ่ำๆ ดังนี้
- สีน้ำเงิน เป็นสีในโทนเย็นที่สามารถให้ความรู้สึกที่สงบสุขุม สนุกสนาน หรือเท่ๆ คูลๆ ก็ได้ ขึ้นอยู่กับการตกแต่งภายในห้อง โดยโซฟาสีน้ำเงินก็มีหลายเฉดสี ตั้งแต่น้ำเงินสด น้ำเงินอมเทา ไปจนถึงน้ำเงินเข้มอย่างสีกรมท่า ซึ่งสีน้ำเงินจะเข้ากันได้ดีกับการแต่งห้องในโทนสีเหลือง ส้ม และครีม
- สีฟ้า เป็นอีกหนึ่งสีโทนเย็นที่ให้บรรยากาศสงบสดชื่น สดใส และดูซอฟท์กว่าสีน้ำเงิน ซึ่งโซฟาในโทนสีฟ้าก็มีตั้งแต่สีฟ้าพาสเทล สีฟ้าอมเทา สีฟ้าสด จนถึงสีฟ้าอมเขียวหรือสี teal แบบหัวนกเป็ดน้ำ ซึ่งแต่ละเฉดก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป
- สีเขียว โทนสีเขียวจะให้ความรู้สึกที่สดชื่น ผ่อนคลาย สบายตา และน่าค้นหา ซึ่งโซฟาสีเขียวก็มาในหลากหลายเฉดเช่นกัน ตั้งแต่สีเขียวมะกอก เขียวมิ้นต์ที่ค่อนข้างสดใส ไปจนถึงสีเขียวเข้มโทนอัญมณีที่ให้กลิ่นอายแบบวินเทจ โดยโซฟาสีเขียวจะแมทช์ได้ดีกับโทนสีแดง สีอิฐ และสีน้ำตาล
- สีเหลือง เป็นสีในโทนอุ่นที่ให้ความรู้สึกสดใส มีชีวิตชีวา และแฝงด้วยความอบอุ่น ซึ่งสะท้อนถึงบุคลิกที่ร่าเริงสนุกสนาน โดยโทนสีเหลืองเองก็มีด้วยกันหลายเฉด ตั้งแต่เหลืองสด เหลืองพาสเทล และเหลืองมัสตาร์ด
- สีส้ม เป็นโทนสีที่มีความซาบซ่าสดใส และชวนให้รู้สึกถึงความเยาว์วัยและเปี่ยมชีวิตชีวา โซฟาสีส้มจึงค่อนข้างเหมาะกับหนุ่มสาวที่มีไลฟสไตล์ชิคๆ เก๋ๆ ซึ่งโทนสีส้มก็มีตั้งแต่สีส้มสด ส้มอิฐ ไปจนถึงส้มอมแดงสุดจี๊ด
- สีชมพู เป็นสีโปรดของสาวๆ หลายคนที่ให้บรรยากาศอ่อนหวาน น่ารัก และอบอุ่นเป็นกันเอง โดยสีชมพูก็มีทั้งเฉดชมพูนู้ดสุดฟรุ้งฟริ้ง ชมพูอมพีชแสนอบอุ่น จนถึงสี fuchsia หรือชมพูอมม่วงที่มีความจัดจ้านขึ้นมาอีกเลเวลหนึ่ง
จับคู่กับสีโทน neutral
ถ้ากลัวว่าการสาดสีสันแสนฉูดฉาดลงไปจะทำให้ทั้งห้องดูลายตามากกว่าลงตัว การเบรคด้วยสีโทน neutral ก็เป็นวิธีหนึ่งที่ดีไซน์เนอร์มักเลือกใช้ ตัวอย่างเช่น เราอาจจัดวางโซฟาสีสันสดใสโดยห้อมล้อมด้วยพื้น ผนัง และพรม ที่มีสีโทนกลางๆ อย่างเทา ครีม นู้ด เบจ หรือสีแนวเอิร์ธโทน ซึ่งวิธีนี้นอกจากจะช่วยให้ โซฟารับแขก ดูโดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางองค์ประกอบต่างๆ แล้ว ยังช่วยให้บรรยากาศโดยรวมดูสมูธและกลมกลืนกัน ไม่ท่วมท้นไปด้วยสีสันจนชวนให้รู้สึกอึดอัด
ทำความเข้าใจ Color scheme
หลักการของ Color scheme คือการจัดโครงสีตามทฤษฎีของวงล้อสี ซึ่งชุดสีที่เข้ากันได้เมื่อถูกนำมาจัดวางไว้ในพื้นที่เดียวกัน ก็จะช่วยส่งเสริมกันและกัน ทำให้ภาพรวมของห้องดูประสานกลมกลืนและน่ามองยิ่งขึ้น การผสมผสานสีสันตามทฤษฎีก็มีอยู่หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สีคู่ตรงข้าม หรือ complementary เช่น เหลือง-น้ำเงิน, แดง-เขียว หรือการใช้ชุดสีที่ใกล้เคียงกันแบบ analogous เช่น เหลือง-ส้ม-แดง, ม่วง-คราม-น้ำเงิน เป็นต้น
ตามหลักการนี้ เราก็สามารถจัดสีของโซฟาให้อยู่ถูกที่ถูกทางได้ โดยอาจเลือกของตกแต่งที่เป็นคู่สีของสีโซฟา เช่น พรม หมอนอิง โคมไฟ และภาพวาด เข้ามารวมไว้ในเฟรมเดียวกัน หรืออาจนำโซฟาตัวยาวกับ โซฟา 1 ที่นั่ง ที่เป็นคู่สีตรงข้ามกันมาวางไว้ด้วยกันก็ได้
จัดพื้นที่แบบโมโนโครม
หากไม่แน่ใจว่าการจัดคู่สีหรือชุดสีของเราจะเวิร์คหรือเปล่า การจัดพื้นที่ให้เป็นสีเดียวไปเลยแบบโมโนโครมก็เป็นเทคนิคที่การันตีได้ว่าไม่พลาดแน่ๆ โดยเราอาจใช้สีของโซฟาตัวโปรดเป็นที่ตั้ง และจัดสิ่งแวดล้อมส่วนใหญ่ในห้อง อย่างพื้น ผนัง พรม และหมอนอิง ให้เป็นสีโทนเดียวกับโซฟาในเฉดที่ใกล้เคียงกัน โดยอาจใส่ผิวสัมผัสและลวดลายที่แตกต่างกันเข้ามาได้บ้าง เทคนิคนี้จะช่วยลดความรู้สึกสับสนวุ่นวายภายในห้อง แถมยังเหมาะกับคนที่ชอบสีใดสีหนึ่งมากๆ แต่หากกลัวว่าพื้นที่ของเราจะกลายเป็นเหลือง ฟ้า หรือชมพูพริ้งไปหมดจนดูไม่แพง ก็อาจตัดด้วยองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ ที่มีโทนสีต่างออกไป อย่างเช่นโต๊ะไม้ กระถางต้นไม้ สีของโคมไฟ หรือลวดลายบนปกหนังสือ เป็นต้น
เบรกความฉูดฉาดด้วยโทนขาวดำ
อีกหนึ่งเทคนิคในการลดความฉูดฉาดที่มากเกินไป และทำให้ห้องนั่งเล่นดูมินิมอลยิ่งขึ้นตามแบบบ้านสไตล์โมเดิร์น ก็คือการคุมโทนองค์ประกอบอื่นในห้องด้วยเฉดสีขาว-ดำเป็นหลัก วิธีนี้ไม่เพียงช่วยคีพความมินิมอล และทำให้ห้องของเรายังคงความเท่ ความคูล และดูทันสมัยเท่านั้น แต่ยังช่วยให้สีสันและดีไซน์ของโซฟาดูโดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางแบคกราวนด์สีขาวและดำด้วย จึงมั่นใจได้เลยว่าโซฟาตัวโปรดของเราจะดึงดูดสายตาทุกคู่โดยที่ไม่ต้องตกแต่งด้วยลูกเล่นอะไรมากมาย
จับคู่โซฟากับวัสดุอื่น
การจัดวางโซฟาไว้กับวัสดุที่ค่อนข้างเป็นกลางและมีความงดงามคลาสสิค อย่างเช่นไม้ หินอ่อน อิฐ หนัง หรือโลหะ ก็เป็นการจับคู่อีกรูปแบบที่ลงตัวเช่นกัน อีกทั้งวัสดุเหล่านี้ยังช่วยให้ห้องมีมู้ด & โทนที่แตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่น การวางโซฟาสีฟ้าอมเขียวไว้กับพื้นและผนังที่เป็นไม้สีอ่อน จะให้ความรู้สึกที่อบอุ่น ผ่อนคลาย ตามสไตล์ cozy modern แต่หากวางร่วมกับผนังและโต๊ะลายหินอ่อน ที่มีดีเทลโลหะแวววาว ก็จะให้บรรยากาศที่หรูหราและมีความ glam & luxury มากขึ้น
โซฟารับแขก สีเข้ม Vs. สีอ่อน
สุดท้ายนี้ เราจะพูดถึงการเลือกระหว่างโซฟาสีเข้มหรือสีอ่อน สำหรับคนที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกเฉดไหนดีในโทนสีเดียวกัน เช่น น้ำเงินเข้ม Vs. น้ำเงินอ่อน โดยสิ่งที่จะช่วยให้เราเลือกได้ง่ายขึ้นก็คือสีพื้นห้องของเรา หากพื้นห้องปูด้วยไม้สีเข้ม การเลือกสีโซฟาเป็นโทนเข้มเหมือนกันก็อาจถูกกลบความโดดเด่น และทำให้ โซฟาสวยๆ กลับดูไม่สะดุดตา การเลือกโซฟาสีอ่อนจึงอาจเข้ากับห้องมากกว่า อย่างไรก็ตาม หากเราชอบโซฟาเฉดสีเข้มจริงๆ ก็อาจแก้ไขได้ด้วยการปูพรมสีอ่อนใต้โซฟา หรือเลือกดีไซน์โซฟาที่มีขาเป็นไม้หรือโลหะสีสว่าง
ส่วนโซฟาเฉดสีอ่อน ก็มีข้อควรระวังตรงที่อาจเกิดคราบเปรอะเปื้อนที่มองเห็นได้ง่าย ชนิดของวัสดุและการดูแลรักษา จึงเป็นสิ่งที่เราต้องพิจารณาก่อนเลือกซื้อเช่นเดียวกัน
และนี่ก็คือเทคนิคต่างๆ ในการเลือกและจัดวาง โซฟารับแขก ที่มีสีสันสดใส ใครที่อยากได้ โซฟาสวยๆ หรือโซฟา 1 ที่นั่ง แสนสบาย ในโทนสีที่มีชีวิตชีวา ฉีกออกจากโทน neutral ก็สามารถใช้เทคนิคเหล่านี้ไปจัดแต่งมุมรับแขกหรือมุมนั่งเล่นในฝันได้ทันทีเลย