โต๊ะทำงานต้องคู่กับแสงสว่าง นอกจากการจัดโต๊ะทำงานให้ถูกหลักฮวงจุ้ยแล้ว สิ่งสำคัญก็คือการให้แสงสว่างที่เพียงพอและเหมาะสม ดังนั้นเราจึงเห็นโคมไฟตั้งโต๊ะทำงานของใครหลายคน เพราะบางช่วงเวลาเราก็ต้องการใช้แสงให้มากขึ้น การเลือกโคมไฟสำหรับใช้งานในออฟฟิศนั้นจึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ผู้ทำออฟฟิศต้องใส่ใจ รวมไปถึงดีเทลการวางโคมไฟบนโต๊ะทำงานของแต่ละคนด้วย มิฉะนั้นถ้าแสงไม่พอก็เสียสุขภาพสายตา และถ้าวางตรงจุดที่ไม่เหมาะสม ก็อาจเกิดอุบัติเหตุหรือทำโคมไฟหล่นตกแตกมาได้ ทางที่ดีเราจึงต้องสำรวจโต๊ะทำงานและจัดให้ลงตัวที่สุด เมื่อโต๊ะทำงานพร้อม คนทำงานพร้อม ก็จะได้ทำงานได้อย่างสะดวกสบายไหลลื่น และทำให้งานสำเร็จลงด้วยดีและรวดเร็ว
โต๊ะทำงานไม่ควรอยู่ใต้โคมไฟเพดาน
โต๊ะนั่งทำงานควรจะต้องอยู่ในจุดที่สามารถมองเห็นประตูทางเข้า-ออก ห้ามนั่งหันหลังให้ประตู แต่ส่วนใหญ่ออฟฟิศหรือสำนักงานบางแห่งชอบจัดให้พนักงานนั่งหันหลังให้ประตู เพื่อเป็นการประหยัดเนื้อที่ แต่ความจริงแล้วการจัดออฟฟิศที่ดีต้องจัดเหมือนกับจัดกองทัพ หัวหน้าหรือแม่ทัพต้องอยู่ด้านหลังสุด เป็นผู้บัญชาการสามารถมองเห็นลูกน้องทุกคน นอกจากนี้หลายออฟฟิศอยากให้พนักงานมีความเป็นส่วนตัว จึงสร้างคอกกั้นระหว่างกัน หากกั้นมากไปเวลาพลังงานไหลเข้าไปจะไม่ไหลออกเชื่อมไปหาคนอื่น ทำให้เราคิดอะไรในมุมของตัวเองตลอด ถือเป็นการขวางโชคลาภด้วย
นอกจากนี้ยังไม่ควรตั้งโต๊ะหรือนั่งทำงานอยู่ใต้พัดลมบนเพดาน แอร์ หลอดไฟทรงกลมที่แสงไฟส่องตรงลงมาพอดี หัวฉีดน้ำดับเพลิง หรือโคมไฟ ถือว่าผิดหลักฮวงจุ้ยที่ดี เป็นการบั่นทอนความสำเร็จ จะโดนจับผิดจับจ้อง มีศัตรูคอยช่วงชิงผลงาน ขัดแข้งขัดขาแย่งผลประโยชน์เสมอ เรื่องงานต่าง ๆ จะไม่มีความมั่นคงไม่แน่นอน
การที่โต๊ะทำงานไม่ควรตั้งอยู่ใต้โคมไฟเพดานนั้น เป็นเพราะเรื่องของความสว่างนั่นเอง เพราะถ้าโต๊ะทำงานตั้งอยู่ตรงนั้นแสงจะลงมาที่โต๊ะมากเกินไป โดยเฉพาะบริเวณที่เรานั่งทำงาน นอกจากนี้ยังจะเกิดเงาอีกด้วยหากมุมการหักเหของแสงไม่ดี จะเพิ่มภาระให้แก่สายตา และจะทำให้เรามีปัญหาสายตาหนักขึ้นได้ในอนาคต ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ ควรหลีกเลี่ยงการตั้งโต๊ะทำงานใต้โคมไฟเพดานจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ระดับความสว่างของโคมไฟตั้งโต๊ะทำงาน แบบนี้ปังจริง
ระดับความสว่างของโคมไฟตั้งโต๊ะ ถึงแม้ว่าจะให้แสงสว่างแค่เฉพาะบางพื้นที่ แต่ก็เป็นสิ่งที่ต้องนำมาวางแผนในการใช้งานไม่แพ้การติดตั้งโคมไฟประเภทอื่น ๆ เหมือนกัน เพราะการตั้งโคมไฟบนโต๊ะทำงานเราค่อนข้างเน้นประโยชน์ใช้สอยมากกว่าความสวยงาม เพราะฉะนั้นจึงอย่ามองข้ามระดับความสว่างที่เหมาะสม หากคุณจะเลือกใช้หลอดไฟ LED ที่มีหลากหลายกำลังวัตต์ เพราะแต่ละระดับความสว่าง ล้วนนำไปใช้งานให้เกิดประโยชน์ที่ต่างกัน อย่างการเลือกโคมไฟตั้งโต๊ะสำหรับโต๊ะทำงาน เราจะนึกถึงโคมไฟชนิดนี้ ดังนั้นเลือกความสว่างให้อยู่ที่ 500 luk จะดีและเหมาะสมที่สุด ส่วนที่เหลือควรเลือกรูปทรงที่สวยงาม และปรับทิศทางของแสงไฟได้ด้วยจะดีกว่าเลือกซื้อแบบโป๊ะโคมที่ไม่มีจุดหมุน มันจะกลายเป็นข้อเสียที่ทำให้บางจุดที่คุณต้องการไม่สามารถเข้าถึงแสงสว่างที่เหมาะสมได้นั่นเอง
จำนวนหลอดไฟบอกความหมายทางฮวงจุ้ยได้
จำนวนของหลอดไฟในรอบบริเวณโต๊ะทำงานเรา แสงสว่างถือเป็นสิ่งจำเป็นอีกประการที่มีผลต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ดังนั้นตามธรรมเนียมปฏิบัติจึงได้กำหนดแนวทางในการประดับติดตั้งโคมไฟส่องสว่างไว้ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักฮวงจุ้ย ซึ่งจะมีรายละเอียดค่อนข้างมาก แต่ก็เป็นที่ยึดถือและปฏิบัติกันมายาวนาน
จำนวนของหลอดไฟ เมื่อรวมกันทั้งหมดแล้วควรจะต้องตกที่เลขคู่ เช่น บริเวณโต๊ะทำงาน ควรมีหลอดไฟ 4 ดวง หรือ 8 ดวง เป็นต้น จะเน้นให้คุณในเรื่องเงินทอง ความเจริญรุ่งเรือง เพราะเลข 8 จะสื่อความหมายในเรื่องของความเจริญก้าวหน้าและเงินตรา แต่หากเน้นในเรื่องของสุขภาพ ควรประดับดวงไฟ 5 ดวง สื่อถึงความเจริญงอกงามดี
การประดับโคมไฟส่องสว่างบริเวณทางเข้าออฟฟิศหรือทางเดินสู่โต๊ะทำงาน จะต้องประดับหลอดไฟเป็นดวงคู่ ซ้าย-ขวา ความเชื่อนี้สันนิษฐานว่ามาจากความเชื่อของชาวจีนโบราณสมัยก่อนเรื่อง หลักกลางวัน - กลางคืน ที่มีทั้งพระอาทิตย์และพระจันทร์ ส่องสว่างเคียงคู่เพื่อให้โลกเกิดสมดุลนั่นเอง
จำนวนของหลอดไฟบริเวณห้องทำงานหรือโต๊ะทำงาน ไม่ควรประดับด้วยจำนวนเลขดังนี้
7 ดวง = อุบัติเหตุ / ชีงิตล้มลุกคุกคลาน
9 ดวง = การแบกรับภาระต่างๆไว้มากมาย
11 ดวง= สมาชิกล้มหายตายจาก พลัดพราก ฯลฯ
การจัดโคมไฟบนโต๊ะทำงานให้ได้แสงไฟที่เหมาะสม จะทำให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการจัดแสงบนโต๊ะทำงานหรือบริเวณรอบโต๊ะทำงานนั้น การเลือกโคมไฟควรสัมพันธ์กับหลักการของฮวงจุ้ยด้วย โดยเฉพาะในเรื่องของแสงสว่างและการจัดหลอดไฟ เพราะมันจะช่วยเพิ่มพลังในการทำงาน เนื่องจากเรามีสุขภาพดี เพราะฉะนั้นหากจะเลือกโคมไฟตั้งโต๊ะหรือจัดหลอดไฟบริเวณโต๊ะทำงาน ก็ต้องคำนึงถึงองศาแสงและหลักฮวงจุ้ยด้วย