หนึ่งในเฟอร์นิเจอร์สุดสำคัญประจำห้องครัวย่อมเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจาก ตู้เก็บจานชาม เครื่องครัว อุปกรณ์ทำอาหารและกินดื่มต่างๆ ซึ่งตู้ครัวที่เราคุ้นเคยกันก็มีหลายประเภท ทั้งตู้ตั้งพื้น ตู้ติดผนัง ตู้แบบ built-in ตู้แบบลอยตัว ตู้เก็บของไม้ ตู้ลามิเนต และ ตู้เก็บของสแตนเลส ในขนาดและดีไซน์ต่างๆ กันไป และด้วยความที่ตัวเลือกมีหลากหลาย หลายครั้งการเลือกซื้อตู้เก็บของในห้องครัวจึงมักมาพร้อมกับคำถามมากมาย ในวันนี้เราเลยมัดรวม 6 คำถามที่พบบ่อยในการเลือก ตู้เก็บจานชาม ข้าวของในห้องครัว พร้อมคำตอบไขข้อสงสัยมาฝากกัน
6 คำถามยอดฮิต ในการเลือก ตู้เก็บจานชาม และเครื่องครัว
Q.1: ตู้เก็บของใช้ในครัว ควรทำจากวัสดุอะไรถึงจะดีที่สุด?
A.1: เนื่องจากต้องรองรับสิ่งของที่มีน้ำหนักค่อนข้างมาก อย่างจานชามและเครื่องครัว ตู้เก็บของในครัวจึงต้องทำจากวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทานและสามารถรับน้ำหนักได้ดี รวมถึงควรมีคุณสมบัติทานทนต่อสภาพแวดล้อมด้วย เนื่องจากอาจต้องสัมผัสกับความชื้นและความร้อนภายในห้องครัวเป็นประจำ โดยวัสดุยอดนิยมสำหรับตู้ครัวที่เราแนะนำ ได้แก่
- ไม้: ตู้เก็บของไม้ นั้นมีตัวเลือกที่หลากหลาย ทั้งตู้จากไม้สัก ไม้สน ไม้โอ๊ค ไม้เมเปิล ไปจนถึงไม้อัดยางชนิดกันน้ำ ซึ่งล้วนมีสีสันและลวดลายที่สวยงามคลาสสิค สามารถเข้ากับห้องครัวได้แทบทุกสไตล์ อีกทั้งยังไม่ต้องกังวลถึงความทนทานและความสามารถในการรับน้ำหนัก อย่างไรก็ตาม วัสดุไม้โดยทั่วไปอาจไม่ถูกกับความชื้นมากนัก ตู้ไม้ในห้องครัวจึงควรเป็นไม้ชนิดที่ทนชื้นได้หรือผ่านการเคลือบกันน้ำมาอย่างแน่นหนาแล้ว
- ลามิเนต (Laminate): ตู้ที่ทำจากลามิเนต หรือวัสดุสังเคราะห์ที่มีลวดลายเลียนแบบไม้นั้นมีจุดเด่นอยู่ที่ความแข็งแรง ทนต่อรอยขีดข่วน สามารถใช้งานได้ยาวนาน และมีราคาถูกกว่าไม้จริง อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับไม้จริงแล้ว ตู้ลามิเนตย่อมมีความแข็งแรงน้อยกว่า และไม่สามารถโดนน้ำเป็นเวลานานได้
- โลหะ: ตู้ครัวที่ทำจากโลหะ เช่น ตู้เก็บของสแตนเลส หรืออะลูมิเนียม มีข้อดีตรงที่ความทนทานต่อความชื้น สามารถทำความสะอาดได้ง่าย รวมถึงมีรูปลักษณ์ดีไซน์ที่เหมาะกับห้องครัวสไตล์โมเดิร์นและ Industrial แต่พื้นผิวโลหะก็อาจเกิดรอยเปื้อนหรือรอยนิ้วมือที่มองเห็นชัดได้ง่ายเช่นกัน
Q.2: ตู้ครัวที่นิยมใช้กัน มีรูปแบบไหนบ้าง แล้วแต่ละแบบเหมาะกับพื้นที่และการใช้งานแบบไหน?
A.2: ตู้เก็บจานชาม ในครัวมีทั้งตู้แบบ built-in และตู้แบบลอยตัว ซึ่งเราสามารถเลือกได้ตามความสะดวกในการใช้งาน เช่น หากต้องการจัดสรรค์พื้นที่ที่จำกัดอย่างลงตัวและสวยงาม ก็อาจเลือกตู้แบบ built-in ที่ถูกออกแบบและติดตั้งให้พอดีกับลักษณะของพื้นที่ แต่หากเป็นห้องครัวในบ้านเช่าหรือที่อยู่อาศัยชั่วคราว ก็ควรเลือกตู้แบบลอยตัวที่สามารถขนย้ายได้สะดวกกว่า
นอกจากนี้ รูปแบบของตู้ยังสามารถแบ่งออกเป็น ตู้แบบตั้งพื้น และ ตู้แบบติดผนัง ซึ่งแต่ละแบบก็มีความเหมาะสมในการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้
- ตู้แบบตั้งพื้น เหมาะกับการใช้เก็บสิ่งของชิ้นใหญ่และมีน้ำหนักมาก เช่น หม้อ กระทะ และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ รวมถึงการใช้เป็นตู้ซิงก์ใต้อ่างล้างจานด้วย
- ตู้ติดผนัง เหมาะจะใช้เก็บสิ่งของที่มีน้ำหนักค่อนข้างเบา เช่น แก้วน้ำ อุปกรณ์ทานอาหาร ไปจนถึงอาหารแห้งที่ไม่จำเป็นต้องเก็บในตู้เย็น นอกจากนี้ ยังเป็นรูปแบบที่เหมาะกับห้องครัวขนาดเล็กที่มีพื้นที่ใช้งานจำกัดด้วย
Q.3: พื้นผิวตู้ครัวควรทำจากวัสดุอะไร ถึงจะปลอดภัยต่อการใช้งาน?
A.3: วัสดุที่ใช้ทำพื้นผิวของตู้ครัวนั้นควรมีคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกับวัสดุที่ทำตัวตู้ กล่าวคือมีความแข็งแรงทนทาน และทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดี แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของเราด้วย สำหรับตู้ตั้งพื้นหรือเคาน์เตอร์ครัวที่อาจใช้ในการประกอบอาหาร วางเตา หรือวางอ่างล้างจาน วัสดุที่ใช้ทำพื้นผิวด้านบนหรือท็อปของตู้ที่เราแนะนำ ได้แก่
- หินอ่อน: มีความทนทานต่อการใช้งาน สามารถรับน้ำหนักได้ดี และทนต่อความร้อน จึงสามารถใช้กับตู้เคาน์เตอร์ห้องครัวที่มีการทำอาหารเป็นประจำได้ แต่สิ่งที่ต้องระวังก็ได้แก่ คราบเปื้อนจากอาหาร เช่น คราบไวน์ คราบกาแฟ รวมถึงสิ่งที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น น้ำมะนาว หรือน้ำยาทำความสะอาดต่างๆ ซึ่งอาจกัดกร่อนเนื้อหินอ่อนได้
- โลหะ: พื้นผิวโลหะ อย่างสแตนเลสและอะลูมิเนียม ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับครัวที่มีการทำอาหารบ่อยเช่นกัน เนื่องจากวัสดุเหล่านี้สามารถทนความชื้น ทนอุณหภูมิสูง ทนต่อกรด และทนต่อการกระแทกขีดข่วนได้ดี อย่างไรก็ตาม เราควรเลือกโลหะชนิด Food grade หรือเกรดที่สามารถสัมผัสกับอาหารได้อย่างปลอดภัยเท่านั้น
- ไม้: ไม้ที่ผ่านการเคลือบผิวและไม้อัดกันน้ำก็เป็นวัสดุที่ใช้ทำพื้นผิวตู้ครัวได้เช่นกัน เพียงแต่อาจมีข้อจำกัดในการใช้งานอยู่บ้าง เนื่องจากเนื้อไม้อาจไม่ทนต่อความชื้น ความร้อน การกัดแทะของแมลง รวมถึงอาจเกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย จึงไม่เหมาะกับห้องครัวที่มีการใช้งานอย่างหนัก
Q.4: เราจะเลือกตู้ครัวที่มีขนาดเหมาะสมได้อย่างไร?
A.4: การเลือกขนาดของตู้เก็บของในห้องครัวนั้นมีความสำคัญมาก โดยเราต้องคำนึงถึงความพอดีกับพื้นที่ ข้าวของที่ต้องการจัดเก็บ ไปจนถึงความสะดวกในการใช้งานด้วย โดยแนวทางการเลือกขนาดของตู้ให้เหมาะสมมีดังนี้
- ก่อนเลือกซื้อให้ทำการวัดขนาดพื้นที่ในห้องครัวอย่างระมัดระวัง และกำหนดขนาดความกว้าง ความยาว และความสูงของตู้ที่ใช้ได้อย่างรอบคอบ
- ตู้เคาน์เตอร์ครัวโดยทั่วไปควรมีความสูงประมาณ 34-36 นิ้ว ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมกับการใช้งาน ส่วนตู้ติดผนังนั้นมีหลากหลายขนาดแตกต่างกันไป เราจึงต้องรู้ระดับความสูงของเพดานที่แน่นอน เพื่อให้สามารถเลือกความสูงของตู้และตำแหน่งติดตั้งได้อย่างเหมาะสม
- หากมีเครื่องครัวหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ เช่น ไมโครเวฟหรือหม้อหุงข้าว จะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นที่ของตู้เพียงพอให้วางสิ่งของเหล่านี้ได้โดยไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้งาน
- อย่าลืมเว้นพื้นที่ไว้สำหรับการสัญจรภายในห้องครัว การเข้าถึงปลั๊กไฟและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ไปจนถึงการเปิด-ปิดตู้เย็นและตู้เก็บของทั้งหมด
Q.5: เราสามารถเพิ่มความสามารถในการจัดเก็บให้กับตู้ครัวได้อย่างไร?
A.5: บางครั้งตู้ในครัวของเราอาจต้องใช้ในการเก็บสิ่งของมากมายหลายขนาด ซึ่งทำให้การหยิบของเข้าออกไม่สะดวกนัก การดัดแปลงพื้นที่ภายในตู้ให้เหมาะสมกับลักษณะข้าวของและการใช้งานจึงช่วยให้ชีวิตเราสะดวกสบายมากขึ้นไม่น้อย ยกตัวอย่างการดัดแปลงที่สามารถทำได้ ได้แก่
- การติดตั้งชั้นวางแบบเลื่อนได้หรือลิ้นชักเล็กที่ดึงออกได้ไว้ในตู้ ซึ่งเหมาะกับการใช้จัดเก็บของจำพวกขวดซอส ขวดเครื่องปรุง และของขนาดเล็กอื่นๆ
- การเสริมตัวแบ่งช่องจัดเก็บให้แก่ลิ้นชัก ซึ่งเหมาะกับการใช้จัดเก็บช้อน ส้อม ตะเกียบ และอุปกรณ์กินข้าวต่างๆ
- การกั้นแบ่งช่องเก็บของ หรือเสริมชั้นวางของขนาดเล็กไว้บนตู้ เพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับจัดเก็บในแนวตั้ง และทำให้การหยิบหาสิ่งของสะดวกขึ้น
- การติดตั้ง Lazy Susan หรือชั้นวางแบบหมุนได้ภายในตู้ สำหรับวางของกระจุกกระจิกต่างๆ โดยเฉพาะในบริเวณที่เข้ามุม เพื่อช่วยเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บ
Q.6: หากต้องการซื้อตู้ครัวในงบประมาณจำกัด สิ่งที่ต้องพิจารณามีอะไรบ้าง?
A.6: สำหรับคนที่มีงบจำกัดในการตกแต่งห้องครัว มีแนวทางและสิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการเลือก ตู้เก็บจานชาม และเครื่องครัวดังนี้
- พิจารณางบประมาณที่มีก่อนเป็นอันดับแรก แล้วจึงเปรียบเทียบราคาของรูปแบบที่ต้องการ โดยตู้แบบสั่งทำและแบบ built-in โดยทั่วไปมักมีราคาสูงกว่าตู้สำเร็จรูป แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดและวัสดุของตู้ด้วย
- สำหรับตู้ที่ต้องการการติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญ มักมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเพิ่มเข้ามา เราจึงอย่าลืมคิดราคาในส่วนนี้รวมเข้าไปด้วย
- ตู้แบบสั่งทำอาจมีราคาของฮาร์ดแวร์ อย่างเช่นมือจับ ท็อปเคาน์เตอร์ และองค์ประกอบภายในที่แตกต่างกันไปตามรูปแบบและชนิดวัสดุ ดังนั้น อย่าลืมพิจารณาราคาและความคุ้มค่าของรายละเอียดเหล่านี้ก่อนตัดสินใจเสมอ
ทั้งหมดนี้ก็คือ 6 คำถามสุดฮิตพร้อมคำตอบไขข้อสงสัยในการเลือกซื้อ ตู้เก็บจานชาม และของใช้ในครัว อย่างที่เรารู้ว่าตู้ครัวนั้นมีด้วยกันหลากหลายรูปแบบ ทั้ง ตู้เก็บของไม้ ตู้ลามิเนท ตู้เก็บของสแตนเลส ในแบบตั้งพื้นและแบบติดผนัง การพิจารณาคำถามและคำตอบ 6 ข้อนี้ก่อนตัดสินใจ ย่อมช่วยให้เราสามารถหาตัวเลือกที่ตรงใจได้ง่ายขึ้นนั่นเอง